ติดต่อโฆษณา 
menu



สุขภาพแบ่งปัน

อดมื้อเช้าา เสี่ยง! อัลไซเมอร์!!

DREAM@ /

18 ก.พ. 64 09:55

1,737

อดมื้อเช้าา เสี่ยง! อัลไซเมอร์!!

เช้านี้คุณรับประทานอาหารเช้าเเล้วหรือยัง?"

เเม้หลายเสียงจะบอกว่า "ทานเเล้ว" เเต่เราเชื่อว่ายังมีผู้คนอีกหลายต่อหลายคนที่ยังไม่ได้รับประทานอาหารเช้า นั่นก็เพราะว่าการที่คุณมองข้ามความสำคัญอาหารมื้อเช้าไปจะทำให้ระบบต่างๆ ในร่างกายทำงานได้อย่างไม่มีประสิทธิภาพ เเละทำให้เกิดผลเสียนานัปการนั่นเองค่ะ เเละหลายครั้งที่เราหยิบเอาประเด็นเรื่องความสำคัญของอาหารเช้ามาพูดถึง ซึ่งวันนี้เราขอหยิบประเด็นนี้มาพูดถึงกันอีกครั้ง


เพราะวิถีชีวิตของคนในเมืองส่วนใหญ่เต็มไปด้วยความเร่งรีบ วุ่นวาย เเละทำอะไรเเข่งกับเวลา  หลายคนจึงมองว่าการอดอาหารเช้าเป็นเรื่องธรรมดา เมื่อไม่ได้ทานอาหารเช้าเข้าบ่อยๆ ท้ายที่สุดก็จะกลายเป็นความเคยชิน จนคุณหลงลืมไปว่า อาหารเช้าคือมื้ออาหารที่สำคัญมากที่สุด การไม่รับประทานอาหารเช้าไม่เพียงเเค่ทำให้ร่างกายรู้สึกไม่สดชื่น เเต่มันยังทำให้คุณขาดพลัง ไร้ความกระตือรือล้น หรือความจำไม่ดีได้ในที่สุด นี่ยังไม่รวมข้อเสียอื่นๆอีกหลายข้อของการไม่รับประทานอาหารเช้าซึ่งเรายังไม่ได้พูดถึง เเต่คุณเชื่อหรือไม่ค่ะว่า การอดอาหารเช้าเป็นที่มาสำคัญของสมองเสื่อม หรืออัลไซเมอร์เหมือนกัน วันนี้เราขอพาทุกคนไปส่องประเด็นนี้ให้ลึกซึ่งกันค่ะ 

ทำไมร่างกายของเราต้องการ "อาหารเช้า"
หลังมื้อเย็นไปเเล้ว ลองคิดดูซิค่ะว่า ร่างกายของเราไม่ได้รับสารอาหารต่างๆ ในช่วงค่ำไปจนถึงช่วงสว่าง ดังนั้นอาหารมื้อเช้าจึงเป็นมื้ออาหารที่ร่างกายต้องการมากที่สุด อวัยวะทุกส่วนของร่างกายต้องการสารอาหาร ดังนั้นอาหารมื้อเช้าจึงไม่ควรเกิน 10.00 น. ซึ่งหากร่างกายได้รับสารอาหารเช้าที่ดี มีคุณค่าหรือมีประโยชน์ต่อร่างกายเเล้วล่ะก็คุณจะไม่รู้สึกหิวโหยหรืออยากอาหารเเต่อย่างใดเเละจะไม่กินจุบจิบในตอนสายอีก เพราะเราอิ่ม อาหารสามารถอยู่ท้องได้นาน นั่นก็หมายความว่ามันจะมีพลังงานเพียงพอ คุณจึงสามารถทำกิจกรรมต่างๆ ด้วยอารมณ์ที่สดชื่น เเจ่มใส ทำอะไรต่อมิอะไรได้อย่างมีความสุขมากขึ้นนั่นเอง


ไม่ทานอาหารเช้า....เกี่ยวอะไรกับ "สมองเสื่อม"
น่าจะเป็นเรื่องที่ทำให้ทุกคนเกิดความสงสัยกันมากที่สุด ว่าที่เขาขู่ๆกันว่า อดมื้อเช้าเป็นประจำนั้นเสี่ยงอัลไซเมอร์หรือสมองเสื่อม จริงหรือไม่? เรื่องนี้เคยมีข้อมูลระบุไว้ว่า การอดอาหารเช้านั้นเป็นบ่อนทำลายสมองอย่างเเท้จริง ลองคิดตามเราดูนะคะว่า การส่งเลือดมาเลี้ยงสมองนั้นเป็นการส่งเลือดโดยตรงมาจากหัวใจ เเตกต่างจากอวัยวะอื่นๆ ที่อาจมีเลือดกักเก็บไว้ หรือมีสต็อกเลือดหล่อเลี้ยงไว้ตลอดเวลา ซึ่งหากเลือดที่ส่งมานั้นเป็นเลือดที่ดีต่อสุขภาพ คือมีระดับน้ำตาลที่พอดีไม่สูงมากหรือต่ำมากจนเกินไปก็จะทำให้สมองของเราทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพนั่นเอง


เเต่การอดอาหารเช้าอยู่เป็นประจำจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดน้อยลง ทำให้เซลล์สมองบางตัวหยุดทำงาน โดยที่เราเองก็ไม่รู้ตัว เเละนอกปริมาณน้ำตาลเเล้วสมองของเราก็ยังต้องการออกซิเจนเยอะมาก นั่นก็คือ 1 ใน 4 ของออกซิเจนที่ร่งกายได้รับจะไปทำการเลี้ยงสมอง นั่นจึงเป็นสาเหตุสำคัญที่ว่าทำไมเมื่อคนเราขาดออกซิเจนนานเกินกว่า 5 นาทีก็มีโอกาสที่คุณจะกลายเป็นเจ้าหญิงนิทราได้

อดอาหารเช้า...โรคอื่นๆตามมา
ไม่ใช่เเค่เรื่องของโรคอัลไซเมอร์ หรือสมองเสื่อมเท่านั้นหรอกนะคะที่เราต้องคำนึงเมื่อคุณตัดสินใจที่จะอดอาหารเช้า  เพราะพิษภัยของการอดอาหารเช้ายังนำมาซึ่งโรคต่างๆอีกมากมายด้วย เพราะยิ่งเป็นการเพิ่มโรค เพิ่มน้ำหนักให้กับคุณเเบบเเทบคาดไม่ถึง เพราะการอดอาหารเช้าทำให้เกิดการเพิ่มขึ้นของคอเรสเตอรอล เกลือ น้ำดีในร่างกายลดลง ทำให้ถุงน้ำดีหดตัวน้อยลง คุณก็เสี่ยงที่จะเป็นโรคนิ่วในถุงน้ำดี โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคหลอดเลือด โรคกรดไหลย้อน โรคหลอดเลือดสมองเมื่อคุณไม่รับประทานอาหารเช้าร่างกายก็จะทำการหลั่งฮอร์โมนเกรลินที่มีผลทำให้เกิดความรู้สึกหิว เเละอยากอาหารมากขึ้น ส่วนฮอร์โมนที่ช่วยทำให้อิ่มอยู่ในระดับที่ต่ำมาก จึงทำให้การกินอาหารมีมากเกิน


อีกอย่างที่ตามมาคือ มวลกล้ามเนื้อลดลง เนื่องจากร่างกายขาดโปรตีนในยามเช้า ซึ่งเป็นช่วงที่ร่างกายต้องการ เพื่อนำมาพลังงานมาสร้างกล้ามเนื้อ เมื่อกล้ามเนื้อหดทำให้การเผาผลาญที่กล้ามเนื้อทำงานได้น้อยลง อาหารที่เหลือจึงเปลี่ยนไปเป็นไตรกลีเซอไรด์ ซึ่งนี่ล่ะค่ะจะเป็นสาเหตุสำคัญที่จะทำให้คุณอ้วน  เมื่อคุณไม่รับประทานอาหารเช้าคุณก็จะหิวได้ง่ายขึ้น อยากรับประทานอะไรจุกจิกได้มากขึ้น เเละอาหารส่วนใหญ่ที่คุณเลือกรับประทานก็ได้แก่ อาหารที่เต็มไปด้วยไขมัน ของหวานซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้คุณอ้วนได้ง่ายขึ้นนั่นเองค่ะ 

ทานอาหารเช้าเเบบไหน? ให้สมดุล
- รับสารอาหารให้สมดุลทั้งแป้ง เส้นใย โปรตีน ทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ

- เติมเต็มพลังงาน สมอง ร่างกาย เเละกล้ามเนื้อ
- เลือกอาหารที่มีคุณค่า ลองเเยกกลุ่มอาหารที่ควรกินในมื้อเช้า เป็น 6 กลุ่มย่อยๆ คือ

1. กลุ่มโปรตีน  มีส่วนช่วยในการควบคุมเเละสร้างกล้ามเนื้อ ช่วยในการเผาผลาญ สร้างน้ำย่อยเเละดูเเลระบบน้ำย่อย


2.กลุ่มคาร์โบไฮเดรต ช่วยให้อิ่มนาน สดชื่น มีพลัง เเละสมองเเจ่มใส


3.กลุ่มไขมัน รับประทานได้เล็กๆ น้อยๆ จากอาหารเพื่อเป็นการสร้างภูมิต้านทาน มีส่วนช่วยในการสร้างฮอร์โมนเพศ บำรุงสมอง ดีต่อผิวพรรณเเละเส้นผม 
4.กลุ่มวิตามิน หารับประทานได้จากเส้นใยจากพืชผัก ผลไม้ ซึ่งอยู่ในปริมาณ 35% ช่วยควบคุมปฏิกิริยาเคมีของร่างกาย ทำให้เซลล์เจริญเติบโตเเละทำงานได้อย่างเป็นปกติ


5.กลุ่มเกลือเเร่  หารับประทานได้จากผักผลไม้ เเละเกลือเเร่ธรรมชาติ เช่น ดอกเกลือ ซึ่งจะมีความสำคัญต่อระบบเอนไซม์ ในขบวนการเมตาบอลิซึม (ช่วยผลิตพลังงาน)ช่วยในการทำงานของเซลล์ เเละให้สารกับอวัยวะในร่างกาย เช่น กระดูก ฮีโมลโกลบิน ไทรอยด์ เป็นต้น


6. กลุ่มสารสีจากธรรมชาติ ที่เรียกว่า ไฟโตนิวเทรียนด์ (Phytonutrients) มีในสีของผักต่างๆ รวมไปถึงผลไม้ต่างๆ ที่ให้กลิ่นหอม เเละรสชาติจากธรรมชาติเป็นหลัก


- ป้องกันระดับน้ำตาลที่อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้เป็นภาวะสมองขาดน้ำตาล ทำให้หิว มือสั่น จะเป็นลม เป็นต้น

หลายคนเข้าใจว่าภาวะสมองเสื่อม หรืออัลไซเมอร์ เป็นภาวะที่เกิดขึ้นเมื่อเข้าสูงวัยสูงอายุเเล้วเท่านั้น เเต่ทราบหรือไม่ค่ะว่าไม่ว่าเพศไหน หรือวัยใด หากคุณละเลยที่จะรับประทานอาหารเช้าอยู่เป็นประจำเเล้วล่ะก็ ถือเป็นการเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะสมองเสื่อม หรืออัลไซเมอร์ได้เหมือนกัน โดยอาการอาจจะเริ่มต้นจากการหลงลืมอะไรได้ง่ายเหมือนกัน ซึ่งหากคุณป้องกันได้ด้วยการหันมาให้ความสำคัญกับการรับประทานอาหารเช้า เเละทานเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอก็จะช่วยป้องกันคุณจากภาวะสมองเสื่อมได้เหมือนกัน ใครไม่อยากป่วยเป็นอัลไซเมอร์ก็หันมาให้ความสำคัญกับอาหารเช้าเสียตั้งเเต่วันนี้เถอะค่ะ รับรองว่าสมองของคุณจะกลับมาไบร์ทเเละปลอดโปร่งขึ้นอย่างเเน่นอน