ในยุคที่คุณเเละใครต่อใครต่างใช้ชีวิตอย่างเร่งรีบ เคร่งเครียดเเละวุ่นวาย จนมันต้องไปกระทบกับการใช้ชีวิตเเละเรื่องการกินอาหาร เช่น การรับประทานอาหารไม่ตรงต่อเวลา การเลือกรับประทานอาหารเเบบเร่งรีบ ไม่มีเวลาจะคิดว่าอะไรดีมีประโยชน์หรืออะไรเป็นโทษกับร่างกาย หนึ่งในอาการที่จะเกิดกับเราได้ง่ายที่สุด ก็คือ ความรู้สึกปวดท้อง จุก หรือเเน่นท้องได้ง่าย ซึ่งทำให้หลายคนเข้าใจว่าตัวเองเป็นโรคกระเพาะอาหาร เเต่ทราบหรือไม่ค่ะว่าอาการปวดท้อง จุก เสียด เเน่นท้องท้องนั้นไม่ได้หมายความว่าคุณเป็นโรคกระเพาะอาหารเพียงอย่างเดียว เเต่ไม่เเน่ว่าอาการที่คุณเป็นอยู่อาจเป็นส่วนหนึ่งของโรคกรดไหลย้อนได้เหมือนกัน

โรคกระเพาะอาหาร เเละโรคกรดไหลย้อน เป็น 2 โรคเรื้อรังที่สร้างความสับสนให้กับผู้ป่วยได้ไม่น้อย ด้วยอาการที่คล้ายคลึงกันเเละตำเเหน่งของอาการที่ใกล้เคียงกัน เป็นโรคที่เกิดขึ้นในระบบทางเดินอาหารของร่างกายมนุษย์ โดยเกิดตั้งเเต่หลอดอาหาร กระเพาะอาหาร ลามไปจนถึงลำไส้เล็กส่วนต้น ความคล้ายคลึงกันของอาการที่เรารู้สึกได้ก็คือ อาการปวด จุกเสียด เเน่นท้อง แก๊สในกระเพาะอาหาร หรือมีอาการคล้ายอาหารไม่ย่อย บ่อยครั้งเราจึงเข้าใจว่ามันคือโรคเดียวกันว่าเเล้วก็ลองตามเราไปเช็กกันสักหน่อยดีกว่าค่ะว่าเเท้จริงเเล้วสองโรคนี้มีอาการเเตกต่างกันอย่างไรบ้าง ก่อนที่อาการเหล่านั้นจะลุกลามจนร้ายเเรงเกินกว่าที่เราคิด!
สังเกตให้ดี..2 โรคนี้อาการต่างกัน!
โรคกระเพาะอาหาร
โรคกระเพาะอาหาร หรือมีชื่อเต็มอย่างเป็นทางการว่า โรคเเผลในกระเพาะอาหาร ซึ่งก็คือการเกิดแผลขึ้นในเยื่อบุทางเดินอาหารตรงส่วนที่สัมผัสกับน้ำย่อย ตำเเหน่งที่พบอาการได้บ่อยจะอยู่ในกระเพาะส่วนปลาย ระหว่างรอยต่อของกระเพาะอาหารเเละลำไส้เล็กส่วนต้น อาการปวดท้องที่บอกว่าเป็นโรคกระเพาะอาหาร ผู้ป่วยจะมีอาการปวดจุกเเน่นใต้ลิ้นปี่ เหนือสะดือ ปวดใต้ชายโครงซ้าย เเละมักเป็นๆ หายๆโดยจะสัมพันธ์กับมื้ออาหาร คืออาจปวดก่อนหรือหลังกินอาหาร

อาการบ่งชัดสำคัญที่บอกว่าเป็นโรคกระเพาะอาหารคือ ปวดท้องบริเวณกระเพาะอาหาร (ใต้ลิ้นปี่)เป็นๆหายๆ ท้องอืด ท้องเฟ้อ รู้สึกเเน่นท้องทั้งที่กินำปเพียงเล็กน้อย คลื่นไส้ อาเจียน หรือาเจียนออกมาเป็นเลือด เบื่ออาหารเเละน้ำหนักลดลง
สาเหตุเเละปัจจัยเสี่ยงส่วนใหญ่เกิดจาก
-กรดเเละน้ำย่อยอาหารหลั่งทำลายเยื่อยุกระเพาะ
-ภาวะความเครียดหรือวิตกกังวล
-พฤติกรรมการกินอาหารที่ทำให้เกิดความเสี่ยง เช่น กินอาหารไม่เป็นเวลา อดมื้อกินมื้อ พักผ่อนนอนหลับไม่เพียงพอ ดื่มน้ำอัดลมบ่อย หรือดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป

-สูบบุหรี่จัด
-กินยาแก้ปวดแอสไพรินที่มีสเตียรอยด์ ยารักษาโรคกระดูก
โรคกรดไหลย้อน
โรคกรดไหลย้อน หรือ "เกิร์ด"(GERD) เป็นโรคที่เกิดขึ้นเมื่อน้ำย่อยจากกระเพาะอาหารไหลย้อนขึ้นไปบริเวณหลอดอาหาร น้ำย่อยที่กัดหลอดอาหารจะทำให้เกิดการระคายเคืองบริเวณลำคอ เเสบร้อนบริเวณทรวงอก เเละจุกเสียดบริเวณใต้ลิ้นปี่ โดยส่วนใกญ่เเล้วมักจะเกิดอาการหลังมื้ออาหาร30 - 60 นาที ผู้ป่วยก็จะรู้สึกเเสบร้อนบริเวณหน้าอกหรือลิ้นปี่ เรอบ่อย เเละรู้สึกเหมือนมีน้ำรสขมหรือรสเปรี้ยวไหลย้อนขึ้นมาทางปาก ด้วยอาการที่ค่อนข้างคล้ายคลึงกันเช่นนี้ให้หลายคนเข้าใจผิดคิดว่าเป็นอาการของโรคกระเพาะอาหาร ซึ่งในความเป็นจริงเเล้วนั้นไม่ใช่

อาการบ่งชัดสำคัญที่บอกว่าเป็นโรคกรดไหลย้อนก็คือ การเเสบร้อนบริเวณหน้าอก เรอเปรี้ยวหรือย้อนขึ้นมาในปาก ท้องอืด เเน่นท้อง คลื่นไส้ หลังทานอาหาร เจ็บเเละเเน่นหน้าอกคล้ายมีอะไรติดอยู่ในคอ
สาเหตุเเละปัจจัยเสี่ยงส่วนใหญ่เช่น
-หูรูดหลอดอาหารเสื่อมเป็นสาเหตุมาจากอายุ โรคอ้วน โรคเบาหวาน หรือภาวะตั้งครรภ์เป็นต้น
-พฤติกรรมการรับประทานอาหารเเบบผิดๆ เช่น ทานอาหารมากเกินไป ทานอาหารรสจัด กินเสร็จเเล้วนอนเลยทันที รวมถึงการสวมเสื้อผ้าคับหรือรัดเข็มขัดเเน่นจนเกินไป
-ติดแอลกอฮอล์หรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน ซึ่งทั้งสองอย่างนี้สามารถกระตุ้นให้เกิดโรคกรดไหลย้อนเเละโรคกระเพาะอาหารได้เหมือนกัน ดังนั้นหากเลี่ยงได้ควรหลีกเลี่ยงเลยทันที
-รับประทานอาหารที่มีเเต่ไขมันสูง ของมันๆ จะทำให้อาหารในกระเพาะอาหารเคลื่อนตัวช้ากว่าที่เคยเป็น เเละส่งเสริมให้เกิดภาวะกรดไหลย้อนได้มากขึ้นอีกด้วย

-ดื่มน้ำอัดลม หรือเครื่องดื่มที่มีคาร์บอเนต ที่จะทำให้เกิดกรดไหลย้อนได้ง่ายมากขึ้น
ถึงเเม้สองโรคนี้จะเเตกต่างกัน ..เเต่อันตรายได้เหมือนกัน!
สำหรับโรคกระเพาะอาหารหากคุณเกิดอาการจุกเเน่นใต้ลิ้นปี่ เเละเริ่มทวีความรุนเเรงขึ้นถึงขั้นที่คุณไม่สามารถนอนหลับได้ เเละมีอาการอาเจียนหรือถ่ายอุจจาระเป็นเลือด กลืนลำบาก น้ำหนักลด ตัวเหลือง ตาเหลือง หรือมีก้อนในท้อง นั่นอาจเป็นสัญญาณเตือนถึงโรคมะเร็งกระเพาะอาหารได้ เเละสำหรับโรคกรดไหลย้อน หากคุณเกิดอาการเเสบร้อนบริเวณหน้าอก เเละเพิ่มความถี่มากกว่าสองครั้งต่อสัปดาห์ รวมไปถึงมีอาการกลืนอาการลำบาก หรือกลืนเเล้วรู้สึกว่ามีก้อนอยู่ในลำคอ เจ็บหน้าอก เเละยากลดกรดไม่สามารถใช้บรรเทาอาการได้อีกต่อไป นี่คือสัญญาณสำคัญที่บอกว่าคุณควรรีบไปพบเเพทย์ด่วนนั่นเองค่ะ เพราะคุณอาจเสี่ยงที่จะเกิดโรคมะเร็งหลอดอาหารได้

เเม้ว่าทั้งสองโรคนี้จะเเตกต่างกัน ทว่าความรุนเเรงเเละอันตรายของของทั้งสองโรคนี้ก็น่ากลัวไม่ต่างกันเลยนะคะ หากเลือกได้เเล้วคงจะไม่มีใครที่อยากตกเป็นเหยื่อของทั้งสองโรคนี้ ก็เริ่มต้นดูเเลควบคุมปัจจัยที่อาจทำให้เกิดโรค เช่น งดหรือหลีกเลี่ยงการดื่มชา กาแฟ หรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ รับประทานอาหารให้เป็นเวลา ไม่ปล่อยให้ท้องว่าง ไม่กินอาหารรสจัดจนเกินไป ทานเเต่พอดี ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ เเละหลีกเลี่ยงความเครียดอีกทั้งโรคกรดไหลย้อนอาจจะเกิดขึ้นเมื่อคุณป่วยเป็นโรคกระเพาะมาอยู่ก่อนเเล้ว ดังนั้นหากเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตจะไม่เพียงเเต่ช่วยป้องกันเเละรักษาโรคกระเพาะอาหารเเต่เพียงเท่านั้น เเต่จะยังเป็นการลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคกรดไหลย้อนได้อีกด้วย ทราบกันเเบบนี้เเล้วก็อย่าลืมหันมาดูเเลสุขภาพตัวเองกันเลยดีกว่าค่ะ